เช็คให้ชัวร์ก่อนเทรดเจาะลึกฉบับอินไซด์เดอร์กับ IC Market ชื่อนี้ดีจริงไหม?
โบรกเกอร์สัญชาติออซซี่อย่าง IC Market นั้นถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงไม่ใช่แค่แถบเอเชียหรือบ้านเราเท่านั้น แต่ด้วยแนวทางการทำงานและการนำเสนอระบบการซื้อขายที่ทันสมัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งทำให้นักเทรดนั้นประทับใจและเลือกที่จะใช้งานกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ที่สำคัญทางองค์กรยังเคลมอีกด้วยว่ารูปแบบการทำงานเป็น True ECN เพียงรายเดียวของโลก แต่ถึงแม้ว่าจะเจอช่วงมรสุมในปี 2020 ซึ่งโดน CONSOB ในอิตาลีบล็อกการซื้อขายภายในประเทศอิตาลีมาช่วงหนึ่ง แถมต่อด้วยการโดนยกเลิกการเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมฟุตบอล FC Inter Milan แต่ก็แก้เกมและกู้ชื่อเสียงให้แก่องค์กรได้ด้วยการได้รับรางวัลอย่าง Best Forex Broker Award และอีกมากมายหลายรายการ จนทำให้ลูกค้าและผู้ใช้งานในประเทศอื่นๆ ก็ยังใช้บริการกันอย่างเหนียวแน่นด้วยความมั่นใจว่า IC Market นั้นเปี่ยมด้วยประสบการณ์และพร้อมให้บริการนักเทรดอย่างเต็มที่ถึงที่สุด
ความเป็นมาและความน่าเชื่อถือของ IC Market
อย่างที่ทราบกันดีว่า IC Market นั้นเป็นโบรกเกอร์จากประเทศออสเตรเลีย ดังนั้นสำนักงานใหญ่จึงอยู่ที่เมือง Sydney โดยการดำเนินการนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2007 ก่อตั้งโดย Andrew Budzinski ซึ่งมีแนวคิดในการให้บริการที่เน้นเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสในการเทรดและทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น โดยพิสูจน์ได้จากการเลือกใช้ Hardware ระดับ enterprise ที่เทียบเท่ากับ NY4 & LD5 ที่ใช้อยู่ในนิวยอร์กและลอนดอนเลยทีเดียว นอกจากนี้ IC Market ยังพัฒนาเครื่องมือการเทรดให้เหล่านักลงทุนได้เลือกใช้งานกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดอย่างสูงสุดอีกด้วย อาทิเช่น Tool ที่ชื่อว่า Depth of Market (DoM) เครื่องมือในการติดตาม Spread เครื่องมือที่ช่วยในการเทรดแบบขั้นบันได เป็นต้น ที่สำคัญต้องบอกว่าโบรกเกอร์รายนี้พัฒนาคุณภาพจนได้รับรางวัลใหญ่ๆ บ่อยมาก อาทิเช่น
- ปี 2021 ได้รางวัล รองชนะเลิศในสาขา Best Forex Broker Award
- ปี 2021 ได้รางวัล Best MT4/MT5 Broker
- ปี 2020 ได้รางวัล Best Forex Broker Award
- ปี 2020 ได้รางวัล Best Trading App Award
- ปี 2020 ได้รางวัล รองชนะเลิศในสาขา Best ECN Broker
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเจอกระแสโดนแบน หรือเจอปัญหาใดๆ ก็ตาม IC Market ยังยืนหยัดและพัฒนาตัวเองได้ด้วยผลงานที่ชัดเจนผ่านรางวัลระดับโลก
แพลตฟอร์มของ IC Market สำหรับการเทรด
ไม่ใช่แค่รางวัลที่โบรกเกอร์รายนี้ได้มาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยทั้งหมดนี้ระบบได้แสดงผลงานผ่านทางด้านการบริการ ความปลอดภัย เทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ส่งผลให้เกิดความคล่องตัวในการซื้อขายแลกเปลี่ยน Forex สำหรับนักเทรดทั่วโลก
- ความง่ายของการใช้แพลตฟอร์มใครเคยเจอเว็บเทรดแย่ๆ กันบ้าง จะสมัครหรือจะเดโมก็หาปุ่มไม่เคยเจอ ซึ่งหากมาลองเปิด IC Market คุณจะรับรู้ถึงความแตกต่าง แม้แต่สำหรับมือใหม่ หากลองเข้าไปครั้งแรก จะเห็นว่าเขาจัดระเบียบเว็บได้ดีที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นด้วยการ Login เพื่อเทรดบนเว็บ หรือมือใหม่ที่อยากจะลองเดโมระบบดูก็หาเจอได้อย่างไม่ยากเย็นเหมือนเว็บเทรดอื่นๆ โดยหากคุณอยากเริ่มสมัคร ก็ให้เข้าไปยังแท็ปที่เขียนว่า Start Trading ซึ่งอยู่ด้านบนที่มองเห็นได้อย่างโดดเด่น รวมถึงหากอยากจะลองเดโมดูก่อนก็หาปุ่มได้ง่ายเช่นเดียวกัน ที่สำคัญการสมัครสามารถสมัครผ่านบัญชี Paypal หรือ Apple ได้อีกด้วย การกรอกข้อมูลก็มีง่ายมากสามารถทำได้เร็วภายในไม่กี่นาทีเลยทีเดียว บอกได้เลยว่าเป็นเว็บเทรดที่เอื้อต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก
- รองรับการใช้ภาษาไทย ในหน้าเว็บนั้นสามารถเลือกใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งการใช้งานและการแปลถือว่าอ่านได้ง่ายไม่สับสนแต่อย่างใด
- หลากหลายแพลตฟอร์มในการเทรดสามารถรองรับรูปแบบการทำงานได้หลายแพลตฟอร์มเลยทีเดียว ได้แก่ MetaTrader 4 , MetaTrader 5 และ cTrader ซึ่งสามารถใช้งานได้บนมือถือไม่ว่าจะเป็น iOS หรือ Android ก็ตาม
ใบอนุญาตและการรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้
ในส่วนของการขออนุญาตนั้น IC Market ก็ได้รับใบอนุญาตและการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานตามทวีปต่างๆ ที่ได้ไปเปิดให้บริการในการเทรด โดยมีด้วยกันดังต่อไปนี้
- IC Markets (AU) จดทะเบียนกับ Australian Securities and Investment Commission (ASIC) ของประเทศออสเตรเลีย หมายเลขใบอนุญาต 335692
- IC Markets (Global)จดทะเบียนกับ Financial Services Business Seychelles (FSA) ได้รับใบอนุญาตเลขที่ SD018
- ได้รับใบอนุญาตบริการทางการเงินของออสเตรเลีย (AFSL หมายเลข 335692) สำหรับการบริการทางการเงินในออสเตรเลีย
- IC Markets (EU) ได้รับอนุญาตและควบคุมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไซปรัสโดยได้รับการอนุญาตและจดทะเบียนกับ Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) โดยมีใบอนุญาตเลขที่ 362/18 เลขทะเบียน 356877
คุณสมบัติที่น่าสนใจของการเปิดบัญชีกับ IC Market
หลังจากทำความเข้าพื้นฐานของโบรกเกอร์รายนี้กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ลองมาดูรายละเอียดและคุณสมบัติที่จะช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งต้องบอกเลยว่าถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของนักเทรดทุกคนก็ว่าได้
- การทดลองใช้งานอย่างที่เรียนไว้ข้างต้น พอเข้าเว็บก็จะเจอกับแท็ปที่เราสามารถเปิดใช้งานสำหรับทดลองหรือเดโมได้อย่างง่ายๆ เลยตรง “Try a free demo” ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ฟรีๆ แถมกรอกข้อมูลง่ายๆ และระบบก็รองรับภาษาไทยอีกด้วย โดยหลังจากกรอกข้อมูลแล้ว ระบบก็จะให้เลือกประเภทบัญชีที่เราต้องการทดลองใช้งาน โดยมีทั้ง MT4, MT5 และ cTrader ซึ่งในบัญชีทดลองเราก็สามารถเลือกการลงทุนเริ่มต้น 200 – 500,000 $
- การเปิดบัญชีส่วนการเปิดบัญชีจริงก็คล้ายกันกับการสมัครบัญชีทดลอง หรือว่าจะแปลงจากบัญชีทดลองไปเป็นบัญชีแบบ Live Account เลยก็ได้เช่นกัน
- ตัวแปรในการเทรดที่สำคัญเงื่อนไขในการลงทุนสำหรับแต่ละรูปแบบนั้นจะแตกต่างกัน เช่น หากเป็นบัญชีแบบ Raw Spread จะมีค่า Spread ค่อนข้างต่ำมากโดยเฉลี่ยราวๆ1 pips โดยจะคิดค่าคอมมิชชั่น 3.50 $ ต่อล็อต ส่วนบัญชี cTrader จะเสียค่าคอมมิชชั่นที่ 3 $ ต่อล็อต บัญชี Standard จะไม่มีค่าคอมมิชชั่น โดยทั้งสามรูปแบบมี Levearge 1:500
- การฝากถอนเงินบริการด้านการฝากถอนจัดว่าน่าสนใจเลยทีเดียวเพราะสามารถฝากได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Visa/Master, Paypal, UnionPay รวมถึงยังสามารถฝากถอนผ่านธนาคารไทยได้ถึง 5 ธนาคารเลยทีเดียว ซึ่งทางระบบนั้นยังมีตัวเลือกการฝากเงินกว่า 14 แนวทาง โดยรองรับถึง 10 สกุลเงินเลยทีเดียว นอกจากนี้ทาง IC Market ยังไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมในเรื่องการฝากถอนอีกด้วย (แต่อาจจะมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารปลายทาง) ที่สำคัญที่นี่ค่อนข้างเน้นในเรื่องความปลอดภัยทางด้านการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยในหน้าเว็บแจ้งไว้ว่า จะเก็บเงินลงทุนของลูกค้าไว้ที่บัญชีทรัสต์ที่ National Australia Bank (NAB) และ Westpac Banking Corporation (Westpac) ซึ่งเป็นธนาคารออสเตรเลียเรทที่มีความเชื่อถือในระดับ AA นอกจากนี้ยังใช้การจ่ายเงินโดยใช้เทคโนโลยี SSL (Secure Socket Layer) ร่วมด้วย
ประเภทบัญชีสำหรับการเทรด
ถึงแม้จะมีบัญชีให้เลือกเทรดอยู่แค่ 3 รูปแบบ แต่ที่นี่เน้นเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทำให้หลายคนไว้วางใจที่จะใช้บริการ โดยแบ่งบัญชีออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
- บัญชี Standard เป็นบัญชีแบบพื้นฐานที่ทำงานบนแพลตฟอร์ม MetaTrader ตัวบัญชีนี้ข้อดีคือ จะไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่น เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการเทรดด้วยตนเอง โดยมีค่า Spread เริ่มที่ 0 pipเงินฝากเริ่มต้นที่ 200 $ ค่า Leverage สูงสุด 1:500
- บัญชี Raw Spreadถือเป็นบัญชียอดฮิตสำหรับนักเทรดที่ใช้บริการ IC Market เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น บัญชีนี้ทำงานบนแพลตฟอร์ม MetaTrader เงินฝากเริ่มต้นที่ 200 $ โดยบัญชีนี้จะมีค่า Spread เริ่มต้นที่ 0 pip และมีการคิดค่าคอมมิชชั่น 3.5$ หรือ 7 $ ต่อการเทรดที่ 1 ล็อต Leverage สูงสุด 1:500
- บัญชี cTraderMarket ทำงานบนแพลตฟอร์ม cTrader ตามชื่อเลย เหมาะกับทั้งนักเทรดแบบ Day trader และนักเก็งกำไรระยะสั้น ใช้เงินฝากเริ่มต้นที่ 200 $ โดยบัญชีนี้จะมีค่า Spread เริ่มต้นที่ 0 pip และมีการคิดค่าคอมมิชชั่น 3 $ หรือ 6 $ ต่อการเทรดที่ 1 ล็อต มีค่า Leverage สูงสุด 1:500
ถึงแม้จะมีตัวเลือกให้ไม่เยอะมากมายนัก แต่วัตถุประสงค์ของบัญชีแต่ละชนิดนั้นถือว่าอธิบายไว้อย่างชัดเจนว่าเหมาะกับใครบ้าง ดังนั้นนักเทรดเองสามารถเลือกได้ตามสไตล์การเทรดที่เหมาะสมกับตัวเองก็จะดีที่สุด