เช็คให้ชัวร์ก่อนเทรดเจาะลึกฉบับอินไซด์เดอร์กับ Pepperstone ชื่อนี้ดีจริงไหม?
ถือว่า Pepperstone นั้นเป็นโบรกเกอร์สัญชาติออสเตรเลียอีกโบรกหนึ่งที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ ซึ่งถึงแม้จะมีประวัติการดำเนินการมายาวนานแล้ว แต่อาจจะไม่ค่อยเห็นรีวิวในภาษาไทยมากนัก ทำให้นักเทรดชาวไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักหากเทียบกับโบรกเกอร์เจ้าอื่นๆ แต่รู้ไหมว่าโบรกเกอร์เจ้านี้เคลมว่า สามารถดำเนินคำสั่งซื้อได้รวดเร็วภายใน 30 มิลลิวินาที ซึ่งเหมาะกับนักเก็งกำไรระยะสั้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ตัวบริษัทเองก็มีรางวัลหลากหลายรางวัลมาการันตีทั้งด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัย และการให้บริการของโบรกเกอร์เจ้านี้กันอย่างมากมายเลยทีเดียว
ความเป็นมาและความน่าเชื่อถือของPepperstone
ตัวบริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ในเมืองเมลเบิร์นประเทศออสเตรเลีย โดยเป็นการรวมตัวของผู้บริหารและทีมงานที่มีประสบการณ์ในการเทรดแบบออนไลน์ ซึ่งมียอดซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 12.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยปัจจุบันนั้นมีลูกค้ามากกว่า 73,000 คนใช้บริการอยู่ทั่วโลก โดยวัตถุประสงค์หลักของ Pepperstone นั้นต้องการให้บริการแก่สมาชิกนักเทรดให้สามารถทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเน้นให้บริการในด้านการซื้อขายหรือเทรดในตลาดได้อย่างคล่องตัว ที่สำคัญทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จได้มากที่สุดด้วยเทคโนโลยีและการบริหารจัดการเฉพาะแบบ นอกจากนี้ Pepperstone เหมาะสำหรับนักเทรดที่อาจจะไม่ได้มีเงินทุนสูงมากนัก สามารถทำการเทรดได้ในหลายรูปแบบ กับหลายประเภทบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นลองมาดูกันเลยว่ารางวัลที่มาการันตีคุณภาพสำหรับโบรกเกอร์เจ้านี้มีอะไรกันบ้าง
- ปี 2020 ได้รับรางวัล Professional Trader Awardsซึ่งเน้นไปที่การให้บริการด้วยการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเข้ามาช่วยในการซื้อขายในตลาด นอกจากนี้สามารถดำเนินการด้วยอัตรามาร์จิ้นต่ำ และยังเน้นการซัพพอร์ตที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าให้อีก้วย
- ปี 2020 ได้รับรางวัล Global Forex รางวัลนี้มอบให้เพื่อแสดงถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดในระดับโลกและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ยังเน้นการสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยในการเทรดและทำให้ต้นทุนต่ำอีกด้วย
- ปี 2020 ได้รับรางวัล Best Global Forex ECN Brokerหรือโบรกเกอร์ Forex ECN ที่ดีที่สุดในโลก
- ปี 2020 ได้รับรางวัล Best Forex Trading Support – Europeหรือโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดในยุโรปอีกด้วย
- รางวัลอันทรงคุณค่าจาก Deloitte -Investment Trends และ Governor of Victoria
จริงๆ ยังมีรางวัลอื่นๆ ทั้งในระดับประเทศและในระดับโลกที่ทาง Pepperstone ได้รับ แต่แค่รายชื่อรางวัลดังๆ เหล่านี้ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เหล่านักเทรดอยากจะรู้จักกับ Pepperstone มากขึ้นอย่างแน่นอน
แพลตฟอร์มของ Pepperstone สำหรับการเทรด
ถึงแม้จะได้รางวัลมาเพียบ แต่นักเทรดต้องไม่ลืมว่าแพลตฟอร์มและรูปแบบการใช้งานจริงจะเหมาะกับท่านหรือไม่ ดังนั้นลองมาดูกันเลยว่าแพลตฟอร์มของ Pepperstone นั้นมีรายละเอียดและน่าใช้ขนาดไหน
- ความง่ายของการใช้แพลตฟอร์มหากลองเปรียบเทียบการดีไซน์ในส่วนของ Layout และความ User Friendly แล้วนั้นเว็บเทรดของ Pepperstone อาจจะเป็นรองแค่ IC Market แต่ส่วนที่เหลือถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีที่เข้มชัดเจนเป็นพื้นหลัง รวมไปถึงการจัดเรียงในแท็ปของเมนูต่างๆ เพียงแต่หากเปิดมาเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยอาจจะมีสับสนบ้างเล็กน้อย เพราะในแต่ละเมนูจะไม่บอกตรงๆ ว่าให้กดปุ่มนี้เพื่อสมัคร อย่างไรก็ตามการค้นหาวิธีการสมัครบนหน้าเว็บก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
- รองรับการใช้ภาษาไทยตัวเมนูและฟังก์ชั่นในการใช้งานนั้นแปลเป็นภาษาไทยได้อย่างลื่นไหล ทำให้นักเทรดชาวไทยสามารใช้บริการได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
- หลากหลายแพลตฟอร์มในการเทรดตัว Pepperstone นั้นทำออกมารองรับหลายแพลตฟอร์มพอควรเลย โดยมีทั้ง MetaTrader 5 MetaTrader 4 และ cTrader ซึ่งมีอินเตอร์เฟซที่ดูใช้ง่ายสบายตา นอกจากนั้นยังรองรับทั้งรูปแบบเว็บไซต์ และโทรศัพท์มือถือย่างระบบ iOS และ Android อีกด้วย
ใบอนุญาตและการรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้
ในแง่ของกฏระเบียบข้อบังคับต้องถือว่าโบรกเกอร์เจ้านี้ทำได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการทำธุรกรรมของที่นี่จะเน้นด้านความโปร่งใสและความปลอดภัยของลูกค้า โดยบัญชีของลูกค้าจะแยกออกจากเงินทุนของ ซึ่งยอดเงินลูกค้านั้นจะแยกไปอยู่ที่ธนาคาร National Australia Bank ซึ่งจัดได้ว่ามีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง โดยทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเครดิตขององค์กร จึงทำให้ Pepperstone ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือในหลากหลายทวีปทั่วโลกดังต่อไปนี้
- ได้รับใบอนุญาต Australian Financial Services License AFSL #414530
- Pepperstone Markets Limited หมายเลขการจดทะเบียนของบริษัท 177174 B และมีใบอนุญาตเลขที่ SIA-F217
- อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Financial Conduct Authority (FCA # 684312) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานกำกับดูแลหลักในสหราชอาณาจักรและได้รับการยกย่องในระดับโลกว่ามีความเข้มงวดในการดูแลให้การปฏิบัติทางการตลาดเป็นธรรมสำหรับทั้งบุคคลและธุรกิจ
- อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Australian Securities and Investments Commission (ASIC #147055703)
- ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับ 2 ได้แก่Dubai Financial Services Authority (DFSA)และCyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
คุณสมบัติที่น่าสนใจของการเปิดบัญชีกับ Pepperstone
ต้องบอกก่อนว่าทางโบรกเกอร์เจ้านี้นั้นมีแคมเปญที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งก็คือ โปรแกรมการรับรีเบตเงินสด ซึ่งช่วยให้สมาชิกประหยัดค่าคอมมิชชันในการซื้อขาย โดยหากอยากได้สิทธิพิเศษนี้ต้องลองสมัครโปรแกรม Active Trader นอกจากนี้ระบบยังมีการซัพพอร์ตแบบ 24 ชั่วโมง 5 วัน แถมยังมีแหล่งรวมความรู้ดีๆ ให้กับนักเทรดอีกด้วย หลังจากทราบถึงข้อดีกันไปแล้ว คราวนี้จะมาลงลึกกันถึงวิธีการใช้งานจริงกันบ้าง ว่าจะใช้งานง่ายและดูดีเหมือนหน้าเว็บหรือไม่
- การทดลองใช้งานโปรแกรมทดลองหรือระบบเดโมนั้นสามารถเริ่มต้นใช้ได้ง่าย โดยอยู่ในเมนู “เริ่มใช้งาน” ซึ่งพอเข้าไปที่หน้านั้นจะเจอว่า เราสามารถที่จะเลือกสมัครบัญชีจริง หรือบัญชีแบบทดลอง ซึ่งก็กรอกข้อมูลไม่ได้เยอะเท่าไหร่ นอกจากนี้ระบบสามารถลิงค์และสมัครผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัวของผู้ใช้งานได้อีกด้วย จากนั้นค่อยเลือกว่าจะเทรดผ่านเว็บหรือจะลงโปรแกรมไว้ในเดสก์ท็อป จากนั้นสามารถฝึกมือด้วยการเริ่มซื้อขายด้วยเงินทุนเสมือนสูงสุด 50,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเป็นเวลาถึง 30 วัน
- การเปิดบัญชีวิธีการเปิดบัญชีเทรดจริงนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อนแต่อย่างใด เพราะในหน้าเว็บไซต์มีการอธิบายแบบเข้าใจง่ายอย่างละเอียดเลยทีเดียว หากหาไม่เจอให้พยายามสังเกตปุ่มสีโดดเด่นที่เขียนว่า “เปิดบัญชีจริง” จากนั้นให้เราคลิ๊กสมัครได้ทันที ซึ่งในหน้าที่ผู้สมัครสามารถเลือกบัญชีว่าจะเทรดจริงหรือว่าจะเทรดแบบเดโมได้เช่นเดียวกัน ส่วนบัญชีจริงนั้นอาจจะมีขั้นตอนในการยืนยันตัวตนเพิ่มขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยอีกขั้นหนึ่ง
- ตัวแปรในการเทรดที่สำคัญบนหน้าเว็บของ Pepperstone มีข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้อ่านอย่างละเอียดเช่นกัน โดย Spread บน MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 นั้นจะผันแปรไปตามราคาตลาด โดยสามารถลงต่ำสุดได้ที่ 0 pip สำหรับคู่สกุลเงิน EUR และ USD สำหรับสมาชิกที่ใช้บัญชีประเภท Razor ส่วนค่า Leverage นั้นสูงสุดอยู่ที่ 500:1
- การฝากถอนเงินระบบการฝากถอนเงินนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีใช้งานง่ายไม่วุ่นวายเลยทีเดียว โดยเวลาจะเข้าไปยังฟังก์ชั่นฝากถอนต้องเข้าไปในส่วนของ Secure Client Area เสมอ ซึ่งตัวระบบเองก็รองรับสารพัดธนาคารทั้งไทยและเทศ ตั้งแต่ Visa, Maseter, Paypal, Neteller, Skrill สำหรับธนาคาไทยนั้น SCB สามารถฝากออนไลน์เข้าได้ทันที การถอนเงินอาจจะใช้เวลาซักนิด โดยการถอนเป็นการโอนเงินผ่านธนาคารซึ่งใช้เวลาราวๆ 3-5 วัน นอกจากนี้อาจจะมีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินระหว่างประเทศ (TT) ซึ่งจะอยู่ราวๆ 20 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ประเภทบัญชีสำหรับการเทรด
การเปิดบัญชีเทรดกับทาง Pepperstone นั้นจะมีบัญชีหลักให้เลือกใช้งานอยู่ 2 รูปแบบด้วยกันคือ บัญชี Razor และ บัญชีมาตราฐาน โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- บัญชี Razorสามารถใช้ได้กับแพลตฟอร์ม MetaTrader (MT4 หรือ MT5) หรือแพลตฟอร์ม cTrader ได้ โดยจะมีการคิดค่าคอมมิชชันอยู่ที่ 7 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย การเปิดบัญชีขั้นต่ำอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่ง Spread ของบัญชีนี้อยู่ที่ 00 – 0.3 โดยวิธีคำนวณแบบง่ายๆ ของบัญชีแบบ Razor คือ Raw Spread และค่าคอมมิชชัน (เช่น สเปรด 0 pip บวกกับ 7 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และ ค่าคอมมิชชัน = ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 7 ดอลลาร์ออสเตรเลีย)
- บัญชีมาตรฐาน คุณสมบัติของบัญชีมาตราฐานนั้นแตกต่างตรงที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่มีสเปรดที่สูงกว่าแทนโดยมีค่า Spread อยู่ที่ 0 – 1.3 pip ซึ่งบัญชีแบบนี้เหมาะกับการเทรดสำหรับนักเทรดมือใหม่
ถึงแม้ตัวเลือกในการเปิดบัญชีจะไม่ได้มีหลากหลายออพชั่นมากนัก แต่เมื่อคำนึงถึงความโปร่งใสและความปลอดภัย เชื่อว่านักเทรดน่าจะมองเห็นถึงเทคโนโลยี การบริการ รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับ และคุณสมบัติที่ดีของ Pepperstone ได้อย่างมากมายเลยทีเดียว