เช็คให้ชัวร์ก่อนเทรดเจาะลึกฉบับอินไซด์เดอร์กับ XM ชื่อนี้ดีจริงไหม?

ในตลาดนักรบสายการเงิน ต้องบอกว่ามีสารพัดโบรกเกอร์ให้เหล่านักลงทุนเลือกใช้ แต่กับโบรกอย่าง XM บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง ส่วนบางคนบอกว่าไม่คุ้นเลย ดังนั้นเรามาล้วงเลาะเจาะลึกกันดูว่าโบรกเกอร์เจ้านี้นั้นมีจุดแข็งในด้านไหนแล้วเหมาะกับการลงทุนหรือไม่

ความเป็นมาและความน่าเชื่อถือของXM 

ต้องบอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นเช็คลิสต์ขั้นพื้นฐานที่นักลงทุนควรจะตรวจสอบก่อนที่จะเทรดเสมอ ประวัติแบ็กกราวด์ ความเป็นมา ถือเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง โดยสำหรับ XM นั้นมีบัญชีจากผู้ใช้จริงมากถึง 3,500,000 บัญชี โดยครอบคลุมกว่า 196 ประเทศทั่วโลก ก่อตั้งครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับโลกเลยก็ว่าได้ โดยมีบริษัท แม่คือ Trading Point Holding ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทชื่อดังอย่าง CFD และ FX ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นจาก Reference ที่มีอยู่ก็ถือได้ว่าน่าจะมีความแข็งแกร่งระดับหนึ่งเลยทีเดียว

แพลตฟอร์มของ XM สำหรับการเทรด 

ต้องบอกว่าปัจจัยสำคัญของการใช้งานบนแพลตฟอร์มต่างๆ นั้นก็คือ การออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยปัจจัยนี้นั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักรบเงินตราอย่างพวกเรา เพราะหากโบรกเกอร์มีเว็บเทรดที่ใช้งานยุ่งยาก แถมไม่เสถียรอีกต่างหาก รับรองเลยว่าการเทรดจะยากขึ้นเป็นเท่าตัว แค่การเทรดยังยาก แล้วจะทำเงินเข้ากระเป๋าให้เราได้อย่างไรกัน แต่ลองมาดูแพลตฟอร์มของ XM ที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เพราะมีปัจจัยที่เอื้อต่อการใช้งาน และเข้าตานักเทรดชาวไทยหลายอย่างดังนี้

  • ความง่ายของการใช้แพลตฟอร์ม เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะบางคนไม่ได้ถนัดการใช้เทคโนโลยีที่นับวันจะเร็วจนวิ่งตามแทบไม่ทัน แต่ต้องบอกว่าบนเว็บเทรดของทาง XM นั้นออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย สามารถเลือกใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ค่อนข้างคล่องตัวและรวดเร็วเลยทีเดียว ถือว่า User friendly มากๆ ถึงแม้จะเป็นนักเทรดมือใหม่แต่ก็ใช้งานได้อย่างแน่นอน
  • รองรับภาษาไทย ข้อนี้เหล่านักเทรดชาวไทยมักจะถามถึงเป็นเรื่องแรกๆ เลยทีเดียว ซึ่งหากเข้าไปดูในหน้าเว็บของ XM ก็ดีใจได้ว่าระบบนั้นรองรับภาษาไทย แต่มีบางอันที่อาจจะแปลแบบไม่ลงตัวนัก แต่โดยรวมก็ถือว่าอ่านเข้าใจและใช้งานได้ไม่ยากเย็นนัก
  • หลากหลายแพลตฟอร์มในการเทรด คาดว่า XM คงออกแบบการใช้งานที่ตรงใจเหล่านักเทรดเป็นแน่ เพราะแพลตฟอร์มที่ XM มีนั้นรองรับการใช้งานหลายรูปแบบ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือทั้ง iOS และ Android คอมพิวเตอร์ทั้ง Mac และ Window รองรับการใช้งานบนแทบเบล็ต ทั้งไอแพดและแอนดรอยด์ มีหน้าเว็บสำหรับ Login และเข้าเทรดได้ แบบไม่ต้องลงโปรแกรมให้เสียเวลา

ใบอนุญาตและการรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้

สิ่งนี้ถือว่าจะขาดไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์น้องใหม่ หรือโบรกเกอร์ที่อยู่มายาวนานแล้วก็ตาม เรื่องของใบอนุญาตที่สอดคล้องตามกฏหมายนั้นโบรกเกอร์แต่ละเจ้าควรจะต้องมีข้อมูลตรงนี้มายืนยันให้กับเหล่านักเทรด เพื่อความปลอดภัยในการซื้อขาย ในส่วนของ XM นั้นเนื่องจากบริหารจัดการโดยบริษัท Trading Point Holding ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกจึงทำให้มีการได้รับใบอนุญาตในหลากหลายประเทศทั่วโลกดังนี้

  • มีใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไซปรัส (CySEC 120/10)
  • มีใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Australian Securities and Investments Commission (ASIC 443670)
  • มีใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ International Financial Services Commissionหรือ IFSC (000261/106)
  • มีใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนออสเตรเลีย (AFSL 443670)
  • มีใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานผู้กำกับดูแลทางการเงินดูไบ (DFSA) (หมายเลขอ้างอิง F003484)

จะเห็นได้ว่าทั้งใบอนุญาตและการปฏิบัติตามระเบียบของ XM นั้นทำให้เหล่านักลงทุนทั้งไทยและทั่วโลกสามารถใช้บริการได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

คุณสมบัติที่น่าสนใจของการเปิดบัญชีกับXM

ต้องบอกว่าส่วนใหญ่โบรกเกอร์ forex แต่ละโบรกจะมีข้อเสนอที่แสนจะดึงดูดแตกต่างกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ นักเทรดก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับข้อเสนอของเหล่าโบรเกอร์นั้นๆ โดยควรจะพิจารณาจากปัจจัยหลักดังต่อไปนี้

  • การทดลองใช้งานข้อนี้ถือว่าสำคัญมากๆ โดยเฉพาะนักเทรดมือใหม่ หรือนักเทรดที่อยากจะลองเรียนรู้วิธีการทำงานของโบรกเกอร์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่ง XM เองก็มีข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากทดลองใช้ เพราะตัวระบบนั้นเราสามารถเปิดบัญชีทดลองหรือบัญชีเดโมได้ โดยมีเงินเสมือนให้เราลองเทรดดูที่ 100,000$ เลยทีเดียว ส่วนวิธีการเปิดบัญชีเดโมนั้นก็ง่ายแสนง่าย แถมทำแล้วเหมือนได้ลงทะเบียนจริงๆ เลยทีเดียว เพราะการกรอกข้อมูลนั้นเหมือนการเปิดบัญชี XM แบบแท้ๆ โดยบัญชีเดโมของ XM นั้นไม่มีวันหมดอายุอีกด้วย  นักเทรดสามารถเข้าใช้ได้ตลอด แต่หากทิ้งบัญชีไว้นานเกินกว่า  90 วัน บัญชีจะถูกปิด
  • การเปิดบัญชีตัวหน้าเว็บเป็นภาษาไทย ทำให้เราสามารถเปิดบัญชีได้ง่าย สะดวกรวดเร็วและปลอดภัยอีกด้วย โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้าเว็บไซต์เลย หรือว่าจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นซึ่งมีทั้ง Android และ iOS ให้เลือกตามความถนัด ขั้นตอนการกรอกแบบฟอร์มของ XM นั้นดีและเร็วมาก เพราะใส่ข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น แถมยังกรอกเสร็จได้ภายใน 2 นาที เลยทีเดียว แถมหากเปิดช่วงนี้ทาง XM มีโบนัสให้ลองมาใช้เทรดกันฟรีๆ ถึง 50$ เลยทีเดียว
  • ตัวแปรในการเทรดที่สำคัญนักเทรดที่ใช้บริการของ XM นั้นสามารถเลือกค่า Leverage และ Margin เองได้เริ่มต้นตั้งแต่ 1:1 จนถึง 888:1 ส่วนค่า Spread นั้นต่ำที่สุด 6 pip บนคู่สกุลเงินหลัก
  • การฝากถอนเงินสามารถฝากถอนโอนจ่ายได้ทางธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิต แบบปกติ โดยฝากถอนขั้นต่ำที่ 5 $ แถมไม่คิดค่าธรรมเนียมในการฝากถอนอีกด้วย

ประเภทบัญชีสำหรับการเทรด 

การเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับการเทรดของเราถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะมีเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงผลตอบแทนที่นักเทรดอาจจะคาดหวังเอาไว้ ดังนั้นหากเราเลือกประเภทของบัญชีที่เหมาะกับสไตล์ของตนเอง โอกาสในการคืนทุน และสร้างความคล่องตัวในการเทรดก็จะมีมากยิ่งขึ้น โดยสำหรับ XM นั้นถือว่ามีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ การมีบัญชีที่หลากหลายซึ่งนักเทรดสามารถเลือกที่จะใช้บริการตามรูปแบบของบัญชีที่เราสนใจได้ดังต่อไปนี้คือ

  • บัญชี Microมีตัวเลือกหลากหลายสกุลเงิน ทั้งสกุลหลักอย่าง USD, Euro, GBP รวมไปถึงเงินบาทและสกุลเงินระดับนานาชาติอื่นๆ อีกหลากหลายสกุล ไม่มีค่าคอมมิชชั่นและไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ แต่ยังมีค่า swap สำหรับการฝากนั้นจำนวนเงินฝากเริ่มต้นที่ 5$ เท่านั้น
  • บัญชี Standardรองรับหลากหลายสกุลเงิน รวมถึงสกุลเงินบาทด้วยเช่นกัน ไม่มีค่าคอมมิชชั่นและไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ แต่ยังมีค่า swap ส่วนจำนวนเงินฝากเริ่มต้นที่ 5$ เท่านั้น
  • บัญชี XM Swap Freeถือเป็นรูปแบบบัญชีที่ดึงดูดเหล่านักเทรดเป็นอย่างมาก เพราะสำหรับบัญชี Swap Free นั้นไม่มีค่า swap นั่นเอง โดยจะลองรับการเทรดอยู่ 3 สกุลเท่านั้นคือ สกุล USD, Euro และเงินบาทของเรานั่นเอง ดังนั้นนักเทรดคนไหนที่ชอบเทรดแบบยาวๆ ข้ามคืน บัญชี Swap Free ก็น่าจะถูกใจไม่น้อย  แต่บัญชี Swap Free นั้นจะไม่สามารถเทรดแบบ CFDs cash ได้ และตัวบัญชีนี้จะมีการคิดค่าธรรมเนียม ส่วนจำนวนเงินฝากเริ่มต้นที่ 5$ เท่านั้น
  • บัญชี XM Ultra Lowบัญชีนี้จะรองรับสกุลเงินหลากหลายขึ้นมาหน่อยโดยมี USD, Euro, GBP, AUD, ZAR, SGD รวมถึงเงินบาทไทยด้วย บัญชี Ultra Low นั้นยังมีค่า swap ปกติ แต่ฟรีค่าธรรมเนียม ส่วนจำนวนเงินฝากเริ่มต้นที่ 50$
  • บัญชี Sharesจุดแตกต่างที่สำคัญสำหรับบัญชีนี้คือ การรองรับสกุลเงิน USD เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มี Leverage ค่าสเปรดคิดตามที่ตลาดอ้างอิง โดยบัญชีนี้ต้องเสียค่า swap และค่าธรรมเนียมในการบริการ ส่วนจำนวนเงินฝากเริ่มต้นอยู่ที่ 10,000 $

จะเห็นได้ว่าหากคุณชอบการเทรดแบบไหน ก็สามารถเลือกเปิดบัญชีแบบนั้นกับ XM ได้แบบง่ายๆ ส่วนใครที่มือใหม่ หรืออยากจะลองเทรดดูก่อนเพื่อให้คุ้นชินกับระบบ ก็ขอแนะนำให้ลองใช้บัญชีเดโมซึ่งน่าจะทำให้ได้รับประสบการณ์ในการเทรด และตัดสินใจเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ตรงใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว