หลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ ส่งผลทำให้ค่าเงินตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐ 10 ปีเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุด และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น อ้างอิงจากรายงานการประชุมแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมการประชุมเห็นด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังห่างไกลจากเป้าหมายของเฟด ในขณะเดียวกันผู้กำหนดนโยบายของเฟดจำนวนหนึ่งวิเคราะห์ว่าหากเศรษฐกิจยังคงมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในหลาย ๆ ประเทศ ควรจะมีการจัดประชุมเพื่อเริ่มหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดมาตรการนโยบายการเงิน
โดยสิ่งใดก็ตามที่ไม่สามารถเสริมสร้างจุดยืนที่ไม่เหมาะสมได้ เฟดจะต้องพยายามเร่งแก้ไขปัญหาในทันที โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีความกระวนกระวายใจ นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ และจากปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิดการเทขายออกไปซึ่งอาจได้รับการกระตุ้นจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้ทั้งนั้น นักลงทุนตราสารทุนมีความกังวลว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นให้เฟดคืนการสนับสนุนเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ พบค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 377.25 จุดหรือคิดเป็น 1.11 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ 33,683.41 S&P 500 ลดลง 37.76 คะแนนหรือ 0.91 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ 4,090.07 และ Nasdaq Composite ลดลง 83.85 จุดหรือ 0.63 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ 13,219.78 ดัชนี STOXX 600 ในยุโรปลดลง 1.51 เปอร์เซ็นต์ ทางด้านมาตรวัดหุ้นของ MSCI ทั่วโลกลดลง 1.07 เปอร์เซ็นต์
ดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.457% แต่ยูโรกลับลดลง 0.4% มาอยู่ที่ 1.2171 ดอลลาร์ ธนบัตรมาตรฐานอายุ 10 ปีของสหรัฐลดลง 14/32 ในราคาที่ให้ผลตอบแทน 1.6898 เปอร์เซ็นต์จาก 1.642 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปลายวันอังคาร ซึ่งก่อนหน้านี้สกุลเงินดิจิทัลลดลงเช่นกัน หลังจากการเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบของจีนที่ห้ามไม่ให้ประชาชนเทรด
