รัฐบาลทั่วโลกกำลังเผชิญกับเรื่องราวที่ตามมาอันเป็นผลเสียจาก COVID-19 ทำให้เกิดช่องว่างทางด้านความมั่งคั่งกว้างขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจที่พังทลายของนานาประเทศ ได้ขยายขอบเขตความอันตรายทางสังคม ทำให้มีการเดินหน้าจัดการกับความไม่สมดุลที่ชัดเจน รัฐบาลทั่วโลกกำลังวิเคราะห์ผลเสียที่เกิดจาก COVID-19 ทำให้เกิดช่องว่างด้านเหลื่อมล้ำกว้างขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจที่พังทลายลงได้ขยายตัวทางสังคมมากขึ้น มีความพยายามในการจัดการกับความไม่สมดุลนี้แบบเร่งด่วน
การอัดฉีดทางการเงินและวางแผนแนวคิดทางการเงินในระยะยาวสำหรับประชากร เช่น การเก็บภาษีเพียงครั้งเดียว ในการสนับสนุนรายได้ขั้นพื้นฐานสำหรับคนรวยและคนจนที่มีความสมดุล พร้อมทางปรับให้เหมาะสม อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านความเสมอภาคครั้งใหญ่ที่สุด สิ่งที่ตามมาจากการระบาดของโรคคือ อาจมีโอกาสที่จะได้ทบทวนและเจรจาต่อรองสัญญาทางสังคมใหม่ โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้กำหนดเศรษฐกิจที่สำคัญหลายแห่งบนเส้นทางของการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากปี 2020 ที่ร้อนระอุ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า GDP ทั่วโลกจะเติบโต 6 เปอร์เซ็นต์ในปี 2021
สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศใหญ่ ๆ เพียงไม่กี่ประเทศในโลก ที่มีการแบ่งข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างเปิดเผย จากการเจาะลึกตัวเลขเดือนเมษายนพบว่า อัตราการว่างงานของคนผิวขาวลดลงจาก 14.1 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 กลายเป็น 5.3 เปอร์เซ็นต์ การว่างงานของคนผิวดำลดลงจาก 16.7 เปอร์เซ็นต์เหลือ 9.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รายงานในเดือนมีนาคมเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างเพศ โดย World Economic Forum สรุปว่า ณ ตอนนี้ผู้หญิงจะใช้เวลาเฉลี่ย 135.6 ปี ในการเข้าถึงความเท่าเทียมกับผู้ชายในหลายปัจจัย รวมถึงการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง