ดอลลาร์ร่วง หลังราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือน ก.ค.

0
425

ผู้บริโภค

เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐแสดงให้เห็นว่า ราคาผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น ในเดือนกรกฎาคม เป็นการกดดันธนาคารกลางสหรัฐ ให้มีการปรับลดการซื้อพันธบัตรรายเดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ก่อนหน้านี้ ค่าเงินสหรัฐแตะ 93.195 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับ และอยู่ไม่ไกลจากระดับสูงสุดในปี 2021 ที่ 93.439 แต่ถูกขายออกไป หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนที่แล้ว หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนมิถุนายน หากไม่รวมถึงพลังงานที่ผันผวน CPI เพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิถุนายน คาดการณ์ว่า CPI โดยรวมจะเพิ่มขึ้น 0.5% และ CPI หลัก 0.4% ในขณะที่ราคายังคงสูงขึ้น เฟดกล่าวว่าคาดว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลง พบอุปทานสอดคล้องกับอุปสงค์หลังจากการล็อกดาวน์ของ COVID-19 เป็นระยะเวลานานหลายเดือน ซึ่งรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ก็เพียงพอที่จะก่อให้เกิดการทำกำไรเล็กน้อย สำหรับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เฟดก็ไม่ใช่ตัวเปลี่ยนเกม

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 1.38645 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่ก็ยังดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.12% ที่ 110.445 หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 5 ครั้งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เกาหลีใต้รายงานจำนวนผู้ป่วย COVID-19 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ พบการแพร่ระบาดในจีน, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดอลลาร์ของ 2 ประเทศ ได้แก่…ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จัดเป็นสกุล 2 เงินคู่ ที่มีความเสี่ยงพบเพิ่มขึ้นหลังจากรายงาน CPI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.33% และ 0.5% โจน โฟลีย์ นักวิเคราะห์จาก Rabobank กล่าวว่า “นักลงทุนจะต้องยอมรับถึงความเป็นไปได้ ที่ข่าวที่มาจากเฟดจะลดน้อยลงในช่วงเวลาที่โควิด – 19 ยังคงแพร่อย่างหนักอยู่”