ประเด็นสำคัญ
- ราคาน้ำมันร่วง 4% เป็นไปตามอุปทาน
- ราคาน้ำมันสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี
- ราคาน้ำมันร่วงตามแนวโน้มอุปสงค์โควิด-19
- ราคาน้ำมันก๊าซธรรมชาติพุ่ง
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 5% ผกผันกับที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และตลาดหุ้นทั่วโลกที่แข็งค่าได้หนุนราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าหลังจากร่วงลง 7 วัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 3.64 ดอลลาร์หรือ 5.6% ไปสู่ระดับ 68.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากแตะระดับต่ำสุด นับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. ที่ 64.60 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐ ในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 3.61 ดอลลาร์หรือ 5.8% ไปสู่ 65.75 ดอลลาร์ การวัดประสิทธิภาพพบว่าเป็นสัปดาห์ที่ขาดทุนมากที่สุดในรอบกว่า 9 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว โดย Brent ร่วงลงประมาณ 8% และ WTI ประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบมีราคาถูกลงถือเป็นข้อดีสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น จากการรวมตัวของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และการอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญในดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เมื่อวัดค่าเงินเทียบกับบริษัทอื่น 6 แห่ง ร่วงลง 0.4% หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือน ดัชนีหุ้นโลกของ MSCI ซึ่งทำหน้าที่ติดตามหุ้นใน 50 ประเทศพบการปรับตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงมากที่สุดประจำสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้หลาย ๆ ประเทศกำลังกังวลเรื่องอัตราการติดเชื้อโควิด – 19 ที่เพิ่มขึ้น
Kazuhiko Saito นักวิเคราะห์ชื่อดัง กล่าวว่า “นักลงทุนคาดหวังได้เลยว่า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในหลาย ๆ ด้านใน สัปดาห์นี้ แต่บรรยากาศของตลาดช่วงนี้ จะยังคงอยู่ในสภาวะขาลง โดยมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความต้องการเชื้อเพลิงที่ชะลอตัวทั่วโลก”