สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อและค่าดัชนี PMI ของภาคเอกชนเป็นประเด็นสำคัญในช่วงต้นของเซสชั่นเอเชีย ย้อนไปในเดือนมีนาคมแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดอ่อนตัวลง โดยราคาผู้บริโภคหลักลดลง 0.1% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ ราคาผู้บริโภคหลักลดลง 0.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ปีต่อปี เงินเยนของญี่ปุ่นขยับจาก 107.972 เยนเป็น 107.970 เยน เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขก่อน PMI ของภาคเอกชนก่อนกำหนดของเดือนเมษายน
และจากตัวเลขก่อนกำหนดเดือนเมษายน PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจาก 52.7 เป็น 53.3 นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 53.0 ภาคบริการยังคงหดตัว ในเดือนเมษายน PMI ของบริการยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 48.3 นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 49.0 จากการสำรวจเบื้องต้นในเดือนเมษายนพบว่า ภาคเอกชนญี่ปุ่นกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ม.ค. 2563 โดย PMI รวมเพิ่มขึ้นจาก 49.9 เป็น 50.2 ความต้องการของประชาชนดีขึ้นโดยมีธุรกิจใหม่เติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน บริษัทด้านบริการรายงานว่าความต้องการลดลง แต่ภาคการผลิตรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวของยอดขายส่งออกอีกครั้ง ซึ่งมีการจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2019 ในขณะที่ภาคการผลิตรายงานว่าคำสั่งซื้อส่งออกใหม่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่บริษัทภาคบริการรายงานว่ายังคงลดลงอย่างต่อเนื่องสวนทาง ระดับการจ้างงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นลำดับที่ 3 ติดต่อกันทุกเดือน แต่อย่างไรก็ตามอัตราการจ้างงานผ่อนคลายลง เนื่องจากการจ้างงานในภาคการผลิตลดลง
ถึงแม้ว่า COVID-19 จะยังคงมีผลต่อธุรกิจภาคบริการ แต่บริษัทต่าง ๆ ยังคงมองโลกในแง่ดีโดยรวม เงินเยนของญี่ปุ่นขยับจาก 107.884 เยนเป็น 107.903 เยนเมื่อมีการเปิดเผยตัวเลข ในขณะที่เขียนเงินเยนของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.08% เป็น 107.88 เยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ