ในเดือนเมษายน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุด ในยุคการระบาดของโรคเนื่องจากการควบคุม COVID-19 นั้นได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าการมองโลกในแง่ดีที่เพิ่มขึ้นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกับการใช้จ่ายค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น ก็ตาม แต่ยอดค้าปลีกยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้รายงานเดือนพฤษภาคมในสัปดาห์หน้า จะเป็นหนึ่งในการพิจารณาว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น หรือความผันผวนของตลาดหุ้น จะส่งผลกระทบต่อมุมมองเศรษฐกิจของผู้บริโภคหรือไม่
พบรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค พบว่าความเชื่อมั่นลดลงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และอาจเป็นไปได้ว่า ความกังวลที่คล้ายคลึงกันอาจส่งผลต่อมาตรการได้ มีการกล่าวว่าความกลัวว่าราคาสินค้าคงทนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลโดยตรง ต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อาจส่งผลกระทบต่อการประเมินเหล่านี้เช่นเดียวกันกับ S&P 500 ก่อนที่จะฟื้นตัวจากการลดลง โดยรวมนักลงทุนมีการมองหาความมั่นใจ ที่จะคืนการก้าวกระโดดของเดือนเมษายน แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของยุค COVID เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะปกติ เฉกเช่นเดียวกันกับหลายส่วนของเศรษฐกิจ ที่แลดูเหมือนว่าการใช้จ่ายสินค้าคงทนอาจแข็งแกร่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดด้านอุปทานอย่างต่อเนื่อง
ในรายงานการผลิตของ ISM เดือนเมษายน พบว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ระบุเวลาในการขายนานขึ้น และจากราคาที่สูงขึ้นอุปสงค์มีสัญญาณชะลอตัวเล็กน้อย ดัชนีพาดหัวข่าวลดลง 4 จุดสู่ระดับ 60.7 ที่ยังคงแข็งแกร่ง มีการคาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนเมษายน จะสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตที่กำลังดำเนินอยู่ ถ้าไม่รวมการขนส่งมีการคาดการณ์ว่าคำสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.3%