ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณออกมาแล้ว อาจมีการดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อกลับนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากภาวะเศรษฐกิจลดครั้งใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ทางด้านผู้กำหนดนโยบายของเฟดวิเคราะห์ว่า พวกเขาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น โดยมีอิทธิพลต่อสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและธุรกิจจำนวนมากถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้เฟดยังกล่าวอีกด้วยว่าการระบาดครั้งใหญ่ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยลงเมื่อการฉีดวัคซีนของประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เติบโตทางการเงินมากขึ้น ดังนั้นความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนของ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา จึงมีความผูกพันกับความคืบหน้าและการสนับสนุนนโยบายที่แข็งแกร่งนี้ สำหรับตัวชี้วัดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญต้องพบว่าการจ้างงานมีความเข้มแข็ง โดยรวมแล้วจากคำแถลงนี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจและแรงกดดัน ได้รับผลมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้ทางธนาคารกลางมีการปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อกลายเป็น 3.4% ภายในสิ้นปี 2021 จาก 2.4% จากการประมาณการในเดือนมีนาคม โดยการที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันนี้มาจากการขาดแคลนอุปทานอย่างมากนั่นเอง
ส่งผลกระทบทันทีเพียงไม่นานหลังจากที่เฟดออกแถลงการณ์ ทำหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นประวัติการณ์ ทางด้านผลตอบแทนพันธบัตรก็เพิ่มขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นจาก 1.48% กลายเป็น 1.54% มีการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0 ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 เฟดยังมีการซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลัง และการจำนองเดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ