เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังพบข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมทรงตัว ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิตต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ พบทรงตัวตามการเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน นักเศรษฐศาสตร์ที่ออกสำรวจคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.4%
สำหรับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ยังไม่รวมถึง ส่วนประกอบอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 0.5% ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ในช่วง 12 เดือนจนกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคม ในส่วนของดัชนีราคา PCE หลัก ซึ่งเรียกว่าเพิ่มขึ้น 3.4% จัดเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 1992 ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลง 0.26% มาที่ 91.598 ในส่วนของราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็นอันดับสูงสุดในรอบ 2 หลังจากที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟด คาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะต้องลงมือจัดการกับแรงกดดันด้านราคาที่สูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในสัปดาห์นี้ การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่าเงินสเตอร์ลิงยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลง 0.08% ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงที่ 110.58 เยนญี่ปุ่น
โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พบหนึ่งในข้อมูลที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งในตลาด นั่นก็คืออัตราเงินเฟ้อ โดยแสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นไม่มีอัตราเงินเฟ้อที่น่ากังวล ณ ขณะนี้