ราคาผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนมิถุนายนสูงสุดในรอบ 13 ปี มีการส่งสัญญาณว่าการใช้จ่ายที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการขาดแคลนอุปทานในวงกว้าง ซึ่งทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการจำนวนมากสูงขึ้น รายงานของกระทรวงแรงงานพบว่าราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนพฤษภาคมและ 5.4% ในช่วงปี 2021 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในรอบ 12 เดือน ไม่รวมราคาน้ำมันและก๊าซที่ผันผวน ที่เรียกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 4.5% ในปี 2021
อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นใกล้เคียงกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจ จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโรคระบาดใหญ่ มีแนวโน้มว่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐและระหว่างฝ่ายบริหารของไบเดน ถกเกี่ยวกับการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง เฟดและทำเนียบขาวได้แสดงความเชื่ออย่างชัดเจนว่าภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน ปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานได้รับการแก้ไขและเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ พวกเขาแนะนำว่า ราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น เช่น รถยนต์ใช้แล้ว, ห้องพักในโรงแรม และตั๋วเครื่องบินจะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ นักเศรษฐศาสตร์หลายคนพร้อมกับนักลงทุนใน Wall Street ได้ส่งสัญญาณถึงข้อตกลง ถึงกระนั้นอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังเพิ่มโอกาสที่เฟดจะตัดสินใจดำเนินการเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อดึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการกู้ยืมและการใช้จ่ายที่มากขึ้น
ราคาที่พุ่งสูงขึ้น เกิดจากการขาดแคลนวัตถุดิบและชิ้นส่วนในระบบเศรษฐกิจ ตั้งแต่เซมิคอนดักเตอร์ไปจนถึงไม้แปรรูป ตลอดจนความต้องการที่เพิ่มขึ้น มีคนงานน้อยเกินไปที่จะให้บริการส่งผลให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับค่าอาหารในร้านอาหาร, ค่าโดยสารสายการบิน และอัตราค่าโรงแรม
